วันอังคารที่ 21 ธันวาคม พ.ศ. 2553

เขาพระวิหาร

เขาพระวิหาร ครูซุนย้ง



เขาพระวิหารเป็นเรื่องใหญ่ที่คิดแบบชาวบ้านไม่ได้ มันต้องคิดแบบระดับชาติ แต่ก็เข้าในความคิดและความต้องการของชาวบ้าน สร้างสันติบนโลกให้สวยงาม

ท่านดูในภาพแล้วดูชัดๆ มีคำตอบว่า

1. ไทยฆ่าไทย เขมรเขาไม่เดือดร้อนสักหน่อย

2. คนเขมร เขาจะเข้าจะออกไปหาหน่อไม้ ไปนั่งขี้แถวนี้ก็สะดวก ทหารเขาก็ไม่ว่า ทหารไทยก็ไม่สน เหม็นอะ ก็มันขี้ ส่วนคนไทยเดินหนึ่งก้าวเข้าไปในเขตฝั่งไทยเรา ก็บอกว่าเขตทหารห้ามเข้า ถ้ามาค้าขายก็บอกว่า เขตอุทยาน คุณเข้ามาได้งัย ถึงปวดขี้ ก็ไม่มีสิทธิ์ขี้

3. ไม่ต้องกล่าวถึงระดับประเทศ ระดับโลก แม้แต่ในหมู่บ้านในไทยแท้ๆ ถ้าเขาทำกิน10ปีขึ้นไป กฎหมายยังยอมรับรับว่า มีการครอบครองปรปักษ์ แล้วเขมรขี้ใส่มาร่วม20 ปีจะมีเหลือเหรอ

4. คนหวงแผ่นดิน ดันไปเกิดแถวๆเมืองกรุงเทพ อ่านประวัติศาสตร์ อยากแก้แค้นเสียเหลือเกิน คิดเสียใจตั้งแต่สมัยพระยาละแวก ยกทัพมาตีไทย ยังไม่หายแค้น อยากเหยียบศัตรูให้จมธรณี บอกว่าแผ่นดินกูเคยอยู่ปู่เคยตาย ผืนดินสุดท้าย ต้องข้ามศพกูไปก่อน โดยเฉพาะรมต.ต่างประเทศ ตอนนี้นั่งเก้าอี้แล้ว ต้องปิดปากนั่งเจียมตัว

5. คนท้องถิ่นใช่ว่าไม่ห่วง ทางเขมรก็บ้านเมีย ฝั่งไทยก็บ้านผัว ไปมาหาสู่กัน มีปูปลาอาหารไปข้ามกันไปข้ามกันมา พอทหารเอาปืนออกมากาง รถถังออกมาขวาง ก็ทำให้ลูกเมียเขาไม่สะดวกในการทำมาหากินกันจริงปะ

6. แล้วปัญหาอย่างนี้มันสำคัญระดับชาติ ระดับโลกเชียวน่ะ ก็เขมรเขาขึ้นมรดกโลกแล้ว จะตามใจนักประวัติศาสตร์หรือเห็นหัวอกชาวบ้าน หรือทำตามนักการเมือง หรือทำตามนักการทหาร

ผมขอคิดด้วยคนได้ไหมครับ

1. ห้ามขึ้นมรดกโลกโดยเด็ดขาด ขอตั้งกรรมมาธิการระดับชาติ วางแผนหาวิธีการศึกษาและดำเนินการอย่างแยบยลและหวังผลทั้งระยะสั้นและระยะยาว(ถ้าร่วมกันก็โอเค)

2. ตั้งคณะกรรมการร่วมเรื่องปักกันเขตแดนให้ชัดเจน ถ้าชัดไม่ได้ก็ยกออกไปข้างละ5 กม.ช่องกลางฝังระเบิดทุกตารางนี้ ใครเข้า ตาย

3. ตั้งคณะกรรมการแสวงหาผลประโยชน์ร่วม บนเขตแดนที่ไม่สามารถบ่งบอกว่าใครเป็นเจ้าของชัดเจน ไม่ปล่อยให้ว่างเปล่า ตั้งบริษัทร่วมทางธุรกิจแบ่งผลประโยชน์อย่างเหมาะสมและลงตัว ทั้งค้าขาย และการท่องเที่ยว

4. ฝ่ายทหารให้ห่างออกไปข้างละ10 กิโลเมตร เน้นการเจรจาทางการเมือง มากกว่าการทหาร ป้องกันการสูญเสียทั้งสองฝ่าย

5. ฝ่ายชาวบ้านอยากสัมพันธ์ทางเพศก็สามารถทำได้ ลงทะเบียนและพาสปอร์ตวีซ่าประเทศใครประเทศมันอย่างชัดเจน ทุกคนอยู่ภายใต้กฎหมายประเทศของตนเอง

ทุกส่วนกระบวนการ มีคณะทำงานแต่ละคณะสัมพันธ์กัน หวังผลยึดผลประโยชน์ประเทศชาติเป็นสำคัญ

วันเสาร์ที่ 18 ธันวาคม พ.ศ. 2553

ชีวิตหลังเกษียณ



ชีวิตหลังเกษียณ
โดย ซุึนย้ง แซ่เตียว
บางคนก็ดีใจบอกว่าดีจังเลย ถึงเส้นชัยแล้ว ขอพักผ่อนเสียที บางคนบอกว่าไม่น่าถึงวัยเกษียณเลย เราแก่แล้วหรือ และสังคมไม่ต้องการเรา บางคนบอกว่า ยุ่งมาตลอดชาติ อยากเอาใจใส่คนไกล้ชิด จะป่วยจะเป็นจะตาย ไม่เคยมีเวลาดูแลกันเลย คงจะมีเวลาเสียที
ช่วงแรกหลายคน เลือกที่จะพักผ่อน อยู่กับบ้านไปสักระยะหนึ่ง เพื่อการปรับตัวที่ดีขึ้น แต่ก็มีหลายคน กระโดด โลดเต้น ทำในสิ่งที่คิด หวังไว้ตั้งนาน ไม่มีโอกาสสักที
เช่นบางคนออกไปทำเกษตร ปลูกพืช เลี้ยงสัตว์ ปลูกไม้ผล เลี้ยงปลา วัว ไก่ เกษตรพอเพียง แต่หลายคนวิ่งไปทำเกษตรแบบอุตสาหกรรม แบบยกใหญ่ อย่างเต็มที่
หลายคนสุขภาพไม่ค่อยดี เหมือนเครื่องยนต์เก่า ใช้มาตั้ง 60 ปี เขาเลิกใช้ ต้องเข้าๆ ออกๆ กับโรงพยาบาล ชนิดที่หมอนัดเป็นระยะ ถ้าสุขภาพดีหน่อยก็ทุก6 เดือน ถ้าแย่นิดก็ทุก 3 เดือน แต่ถ้า เข้าๆ ออกๆ ทุกเดือน ก็อาการน่าเป็นห่วง ในกลุ่มนี้ไม่ต้องคิดอะไรมาก ทำบุญไว้รอชาติหน้า กินยา อาหารตามหมอสั่ง ออกกำลังกาย พักผ่อน ยื้อเวลาให้นานที่สุด พอที่จะได้เป็นร่มโพธิ์ร่มไทรให้ลูกหลานได้อุ่นใจ
อีกประเภทหนึ่งก็ใช้กรรมไม่รู้จบ แบบพระพุทธองค์ บอกว่า บ่วงเกิดแล้ว มีลูกก็วุ่นกับลูก มีหลานก็วุ่นกับหลาน มีเหลนก็วุ่นกับเหลน หาเงินให้เขาใช้ พาไปส่งโรงเรียน ต้องไปรับที่โรงเรียน ป้อนข้าวป้อนน้ำ
อีกประเภท ที่มีมากแถวยางชุมคือ ไปดูควันบั้งไฟที่ลอยอยู่บนฟ้า ว่ามันอยู่นานเท่าไหร่ ไปแต่ละทีก็จะมีโอกาสสังสรร พบปะเพื่อนฝูงคละรุ่น เรียกชื่อกันเป็นเซียนไล่ เซียนต่างๆ มีกันหลายเซียน มีลูกทีมเดินตามกันเป็นฝูงๆ วันไหนได้ตังก็ยิ้มกันแก้มปลิ วันไหนเสีย ก็คอตกบ้างเล็กน้อย วันไหม่แก้มือใหม่
อีกประเภทหนึ่ง ชอบออกไปต่างประเทศแบบรายวัน มีรถตู้รับส่งถึงที่ ไม่ต้องจ่ายค่่ารถ ก็ไปที่ช่องจอมออกประเทศกัมพูชา อีกที่หนึ่งนิยมออกกันก็ที่มุกดาหาร ออกไปทางสวันนะเขต พวกนี้ชอบเล่นหุ้นรายวัน มีทีมงานทุกวัย จะเป็นอาเสี่ยบางวัน และก็จะหมดตัวในบางโอกาส สุดท้ายมักจะหมดตัว ขายบ้านขายที่ด้วย
อีกประเภทอยู่ทำงานไม่มีเวลาเที่ยว ขอตอนเกษียณออกเที่ยวบ้าง เริ่มจากภายในประเทศ ต่อด้วยประเทศเพื่อนบ้าน ลาว เขมร พม่า ต่อไปจีน มีนัดกับทีมงานเป็นระยะ กะเอาไว้ปีละ1ครั้งเป็นอย่างน้อย
และที่ไม่ค่อยพลาดกันก็ ไปโรงพยาบาล งานสังคม งานแต่ง งานบวช งานขึ้นบ้านใหม่ และงานศพ ยิ่งหลังเกษียณก็ยิ่งมาก ที่มีมากและไม่ชอบก็ไปโรงพยาบาล กับงานศพ มันดูเหมือนจะถึงคิวตัวเราขึ้นมาทุกที แต่ก็หลีกไม่ได้ เพราะต้องกินยาประจำ และตัวเราอายุขนาดนี้ พ่อแม่เพื่อน ญาติพี่น้องเพื่อน ญาติตัวเรา ก็ล้วนสุงวัย ทะยอยกันไปสวรรค์มิได้ขาด เตือนสะติให้รีบเข้าวัดทำบุญไว้บ้าง เวลาไปสวรรค์จะได้ไม่หลงทาง
ส่วนผมตัวผมเอง มีแนวคิดว่า ตัวเลขมีน้อย ไม่ต้องรีบร้อน แต่ทำไปปกติ คือ รักษาสุขภาพ พักผ่อน ทำงานอดิเรก ผมชอบอากาศเย็นสะบายแบบกวางโจ น่าจะทำให้อายุยืน ไม่เหนื่อย ชอบเดินเล่นแถวๆจูเจียง กินลมชมวิว และมีความคิดว่า อายุผมไม่น่าจะเกิน70 ปี ก็ทำประกันไว้บ้างไว้ไม่ให้คนที่อยู่ทางหลังลำบาก หลัง60 ไม่ต้องคิดรวย อยู่ให้สะบายก็ดีแล้ว